1. สภาพบ้านโดยรวมและโครงสร้าง
- ภายนอก: ตรวจสอบรอยร้าว รอยแตกร้าวบนผนัง, หลังคา, รั้ว, พื้นที่โดยรอบ
- ภายใน: ตรวจสอบสภาพพื้น, ผนัง, เพดาน, ประตู, หน้าต่าง, ระบบไฟฟ้า, ระบบประปา, ท่อน้ำทิ้ง
- โครงสร้าง: ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโครงสร้างบ้าน, ฐานราก, เสา, คาน ว่ามีการทรุดตัว, รอยร้าว หรือปัญหาอื่นๆ หรือไม่
2. เอกสารสิทธิ์และนิติกรรม
- โฉนดที่ดิน: ตรวจสอบว่าเป็นชื่อเจ้าของที่แท้จริง, ไม่มีภาระผูกพัน, สิทธิครอบครองถูกต้อง
- หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด: (ถ้าเป็นคอนโด) ตรวจสอบความถูกต้อง, ไม่มีภาระค้างชำระ
- ใบอนุญาตก่อสร้าง: ตรวจสอบว่ามีการต่อเติมถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
- เอกสารการโอนกรรมสิทธิ์: เตรียมเอกสารให้พร้อมสำหรับการโอน
3. สภาพแวดล้อมและทำเล
- เพื่อนบ้าน: สังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ, ความปลอดภัย, ความเป็นส่วนตัว
- การเดินทาง: เข้า-ออกสะดวก, ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ, ใกล้ที่ทำงาน, โรงเรียน, โรงพยาบาล
- สิ่งอำนวยความสะดวก: ใกล้ร้านค้า, ตลาด, สวนสาธารณะ
- ความเสี่ยงภัยธรรมชาติ: น้ำท่วม, แผ่นดินไหว
4. ราคาและค่าใช้จ่าย
- ราคาขาย: เปรียบเทียบกับราคาตลาดในทำเลเดียวกัน
- ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม: ประเมินค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
- ค่าโอนกรรมสิทธิ์: ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ภาษี: ตรวจสอบภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย
5. ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
- ประวัติบ้าน: สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับประวัติบ้าน, ผู้พักอาศัยเดิม
- เหตุผลในการขาย: สอบถามเจ้าของบ้านถึงเหตุผลในการขาย
- การต่อรองราคา: พิจารณาต่อรองราคาหากพบข้อบกพร่องหรือปัญหา
ข้อควรระวัง:
- อย่ารีบร้อน: ใช้เวลาตรวจสอบบ้านและเอกสารให้ละเอียด
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์, ช่าง, ทนายความ
- ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน: ก่อนตัดสินใจซื้อ
การซื้อบ้านมือสองต้องใช้ความรอบคอบและการตรวจสอบอย่างละเอียด หากทำการบ้านอย่างดี ก็จะช่วยให้คุณได้บ้านที่ตรงใจ ในราคาที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงในการพบปัญหาต่างๆ ในภายหลังครับ
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- เข้าชมบ้านหลายๆ ครั้ง: ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน, ช่วงวันธรรมดาและวันหยุด
- ถ่ายรูป: ถ่ายรูปส่วนต่างๆ ของบ้านไว้เป็นหลักฐาน
- ทำสัญญาอย่างรอบคอบ: ระบุเงื่อนไขต่างๆ ให้ชัดเจน
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลย!